25.08.2560 ทิศทางตลาด คาดยังคงมีความผันผวน? แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ
คาดยังคงมีความผันผวน? แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ Shutdown หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการจัดทำงบประมาณการชั่วคราว รวมถึงงบประมาณสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก พร้อมกับอยู่ระหว่างติดตามการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่เมือง แจ็คสัน โฮล วันที่ 24-26/8/60 โดยเฉพาะสุนทรพจน์ของประธานเฟด และประธาน ECB ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน?
ขณะที่เฟดมีแผนปรับลดงบดุล จากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ที่คาดเกิดขึ้นในการประชุมเฟด 19 – 20/9/60 เช่นเดียวกับ ECB ที่อยู่ระหว่างพิจารณาช่วงเวลาเหมาะสมในการลดวงเงิน QE (ปัจจุบันอยู่ที่ 60,000 ล้านยูโร/เดือน ถึง ธ.ค.’60)
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ แม้ยังได้รับ Sentiment เป็นบวก หลังสภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP – 2Q/60 ดีกว่าคาด และเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี พร้อมปรับเพิ่มประมาณการ GDP และการส่งออกในปี’60 คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK และ BBL แต่คาดได้รับ Sentiment ที่เริ่มเป็นลบ จาก Fund Flow ซึ่งภาพรวมยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิสลับกัน และ YTD พลิกกลับเป็นยอดขายสุทธิสะสม 2,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับ 45 - 50 USD/bbl คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น และคาดอยู่ระหว่างติดตามคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ (25/8/60) ทำให้คาดการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามหากผลการตัดสินเป็นไปในทางกลาง / + คาดดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KBANK
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ PTT ที่ผลการดำเนินงานยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
(5) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO และ WORK
(6) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, MINT
(7) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT ส่วนที่ได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น PSL
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.19% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.02 อยู่ที่ 12.23
หุ้นแนะนำประจำวัน กลยุทธ์พื้นฐาน SPALI
บทวิเคราะห์ฉบับเต็ม http://bit.ly/2xxBRWy
ติดตามข่าวสาร การลงทุน สะดวก รวดเร็ว ได้ที่ Line id: @airasecurities
ไม่มีความคิดเห็น: